NEWS & UPDATE

การลงทุนของคนรักไวน์ ที่ให้ผลตอบแทนจากการถือครองไวน์ชั้นเลิศ

Post date : Nov 30,-1

 

การลงทุนของคนรักไวน์ ที่ให้ผลตอบแทนจากการถือครองไวน์ชั้นเลิศ

จาก The Momentum

วัฒนธรรมการดื่มไวน์เกิดขึ้นมานานนับพันปี นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มในมื้ออาหารหรือในการสังสรรค์ ไวน์ยังเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ยิ่งค้นลึกก็ยิ่งพบความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ รสชาติและกลิ่นสัมผัสของไวน์นั้นขึ้นกับปัจจัยนานัปการ ตั้งแต่การเพาะปลูกในตำแหน่งที่มีองค์ประกอบเป็นธาตุอาหารชั้นดีในดินซึ่งนำมาสู่องุ่นที่มีคุณภาพ ความเชี่ยวชาญของผู้ผลิตหรือคนทำไวน์ที่สืบทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น นับตั้งแต่วิธีการตัดแต่งองุ่น ช่วงของการเก็บเกี่ยว การหมักบ่มในถังไม้โอ๊ค การบรรจุขวด ไปจนถึงวิธีเก็บในไวน์เซลล่าร์ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้นำมาสู่ระดับของไวน์ที่แบ่งแยกออกได้สี่ระดับ คือกรองด์ครู (Grand Cru) พรีเมียร์ ครู (Premier Cru) โลคัล แอพพิลเลชั่น (Local Appellation) และรีเจียนอล แอพพิลเลชั่น (Regional Appellation) ตามลำดับ

เปิดพอร์ตไวน์ การลงทุนที่มีโอกาสทำเงิน

ความนิยมในการดื่มไวน์ที่แพร่หลายไปทั่วโลก ทำให้ไวน์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นทุกปี และเกิดผู้บริโภครุ่นใหม่ที่นิยมเลือกไวน์ดีๆ จากทั่วโลก ทั้งไวน์จากโลกเก่าแถบยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส อิตาลี หรือไวน์โลกจากใหม่อย่าง แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย 

ไวน์คุณภาพดีหรือไวน์ชั้นสูงนั้นย่อมมีราคาสูงตามไปด้วย โดยเฉพาะไวน์ระดับกรองด์ครูจะเป็นที่ต้องการในกลุ่มนักสะสมและนักลงทุน ในต่างประเทศจะมีการจัดงานประมูลไวน์ขึ้นทุกปี เช่นที่แคว้นเบอร์กันดี แหล่งผลิตไวน์ชั้นเลิศที่มีชื่อเสียงยาวนานในฝรั่งเศส จะมีการจัดงานประมูลไวน์ทุกปีที่เมืองเบิน โดยราคาประมูลอยู่ที่ขวดละแสนบาทไปจนถึงหลักล้านบาท

ด้วยราคาที่แพงระยับเมื่อเข้าสู่ตลาดการลงทุน ไวน์จึงเป็นทั้งของสะสมและพอร์ตลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างงามสำหรับคนที่มองหาทิศทางการลงทุนใหม่ๆ ยิ่งเป็นไวน์ที่หายาก ก็ยิ่งนำไปสู่ราคาที่ถีบตัวสูงขึ้น นอกจากไวน์ตัวท็อปที่เป็นที่ต้องการของตลาดอยู่แล้ว นักเก็งกำไรจะลงทุนซื้อไวน์อองพรีเมอร์ (En Primeur) หรือไวน์สดที่เข้าสู่กระบวนการบ่มได้ราวครึ่งปี และจะออกสู่ตลาดราวหนึ่งปีครึ่งถึงสองปีนับจากปีที่ผลิต โดยต้องเป็นไวน์ยี่ห้อดังและได้รับการยอมรับของนักสะสม  

ในต่างประเทศมีการซื้อขายและลงทุนกับไวน์อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งหนึ่งในตัวชี้วัดมูลค่าของไวน์ในปัจจุบันและอนาคต อาศัยการประเมินจากเหล่านักวิจารณ์ไวน์ที่ให้คะแนนเอาไว้ มีเว็บไซต์ที่บอกราคากลางของไวน์เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าไปติดตาม เช่น เว็บไซต์ vinfolio.com หรือ cellar-watch.com และสามารถซื้อขายผ่านการประมูลออนไลน์ อาทิ winebid.com, wineauctioneer.com และ idealwine.com

ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์คนหนึ่งเล่าว่า การสะสมไวน์ในประเทศไทยยังเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม ไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก และมักจะเป็นการซื้อมาขายไปแบบปกติและไม่มีราคากลาง เนื่องจากไม่มีงานประมูล จึงใช้วิธีอ้างอิงจากเว็บไซต์ของต่างประเทศเป็นหลัก ในขณะเดียวกันก็มีบางคนเลือกที่จะลงทุนผ่านโบรกเกอร์ในต่างประเทศ โดยการติดต่อให้ตัวแทนซื้อไวน์ยี่ห้อและปีที่สนใจเอาไว้ แล้วนำไวน์ไปเก็บไว้ในตู้เก็บไวน์ส่วนตัว ซึ่งดูแลเรื่องการเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเพื่อให้ไวน์คงคุณภาพและรสชาติ และนำออกขายในเวลาที่ราคาพุ่งสูงขึ้น ว่าการว่าหากลงทุนกับไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศสโดยซื้อเก็บไว้ 8-10 ปี อาจได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าราคาซื้อ 5-6 เท่าตัว 

สำหรับมือใหม่ที่คิดจะลงทุนกับไวน์ ผู้เชี่ยวชาญคนเดิมให้ความเห็นว่า “ยังทันอยู่หากจะเริ่มสะสมไวน์ในตอนนี้ เพราะจะมีไวน์อองพรีเมอร์ออกมาอยู่เรื่อยๆ ไวน์ปี 2015-2016 เป็นปีที่ดีสำหรับไวน์บอร์กโดซ์ ที่จะมีวงจรราคาขึ้นๆ ลงๆ สำหรับปีอื่นๆ ที่ราคาซื้อตอนนี้ยังถูกอยู่ก็สามารถลงทุนได้ ส่วนไวน์เบอร์กันดีที่มีราคาสูงย่อมเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว จึงสามารถขายต่อได้ไม่ยาก ไวน์ดีๆ ที่เก็บรักษาไว้อย่างดี เมื่อถึงเวลาที่พร้อมดื่มก็จะขายได้ในราคาดีเอง

การซื้อกรองครูด์มาเก็บก็ปลอดภัย เพราะมีโอกาสที่ราคาจะขึ้นตั้งแต่ที่ได้รับความนิยม แต่การที่ไวน์จะทำกำไรในการลงทุนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าซื้อไวน์อะไรมาเก็บ ถ้าเป็นไวน์ที่คนต้องการเยอะก็จะได้ราคาดี แต่ถ้าเป็นตัวที่ไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาดก็จะไม่ได้ราคาสูงตามที่ต้องการ 

“ด้วยความที่ไวน์ไม่มีราคาตลาดเหมือนกับการเล่นหุ้น จึงเป็นเรื่องคาดเดายาก เพราะฉะนั้นการลงทุนก็มีความเสี่ยง และไม่มีทางบอกได้ว่าราคาไวน์ตัวนี้จะขึ้นหรือไม่ แต่ตลาดไวน์ในเมืองไทยก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นจึงมีคนเริ่มเก็บ เริ่มสะสม โดยราคาขายจะเป็นเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับราคาตลาดของต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งคนซื้อต้องศึกษาและทำความเข้าใจจากตลาดเมืองนอก”

 

 

 

เก็บไวน์เพื่อสะสม มีอะไรที่ต้องใส่ใจ 

คุณสมบัติพิเศษที่มีอยู่ในเครื่องดื่มชนิดนี้ คือความละเอียดอ่อนที่ไวต่อสภาพแวดล้อม หากไม่รู้จักวิธีการเก็บรักษาไวน์ที่ถูกต้อง รสชาติไวน์ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญคือไวน์จะเสียทันทีถ้าเก็บไว้ในสถานที่ที่อุณหภูมิไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการเก็บไวน์ในเมืองร้อนที่เส้นศูนย์สูตรพาดผ่านอย่างเมืองไทย

ในงานเปิดตัวตู้แช่ไวน์ TEMPTECH ซึ่งเป็นผู้นำด้านตู้แช่ไวน์จากสแกนดิเนเวีย เราได้เรียนรู้การเก็บรักษาไวน์เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติให้คงไว้เช่นเดียวกับไวน์ในถิ่นกำเนิด โดยมีกฎหลัก 5 ประการที่ต้องคำนึงถึงคือ

1.ระดับอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยทั่วไปไวน์ทุกชนิดสามารถเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิระหว่าง 10-12 องศา แต่เพื่อรสชาติที่ดี หากเป็นไวน์ขาวหรือกลุ่ม Sparkling Wine อุณหภูมิที่ดีที่สุดคือ 6-12 องศา เพราะจะทำให้ได้รสสัมผัสที่สดชื่นขึ้น ส่วนไวน์แดงมีอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 14-16 องศา เพื่อไม่ให้มีรสชาติฝาดแหลมและสัมผัสของแอลกอฮอล์ที่แรงจนเกินไป

2.ความชื้นที่พอเหมาะในการเก็บรักษา อยู่ที่ระดับ 50-70 เปอร์เซ็นต์ หากความชื้นในอากาศมีน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จะส่งผลให้จุกคอร์กแห้งกรอบและหดตัวลง มีโอกาสที่อากาศจากภายนอกจะเข้าไปสัมผัสกับไวน์จนเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้ไวน์มีรสชาติเปลี่ยนไป และถ้ามีความชื้นมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ก็จะทำให้ฉลากไวน์เปื่อยยุ่ย

3.อย่าให้ไวน์โดนแสง เพราะรังสียูวีและความร้อนส่งผลกระทบโดยตรงต่อไวน์ 

4.ไวน์มีความอ่อนไหวต่อกลิ่นที่รุนแรง ซึ่งอาจแทรกซึมผ่านจุกคอร์กที่ปิดปากขวด และสำหรับไวน์ที่เคยเปิดมาแล้วครั้งหนึ่ง หากเก็บรักษาไม่ดี จะไม่สามารถแก้ไขให้กลิ่นดั้งเดิมของไวน์ขวดนั้นกลับมาได้อีกเลย 

5.แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการหมุนมอเตอร์ระบบทำความเย็นซึ่งส่งผ่านไปถึงไวน์ จะทำให้ไวน์มีอุณหภูมิสูงขึ้นจากเดิมจนทำให้ไวน์สุกเกินไป จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการแช่ไวน์ในตู้เย็นทำให้ไวน์เสียได้

แม้ไวน์จะเป็นเครื่องดื่มที่ละเอียดอ่อนจนดูเหมือนเอาใจยาก แต่ถ้ารู้หลักการและวิธีในการเก็บรักษา ไวน์ขวดที่คุณครอบครองอยู่ก็อาจเทียบค่ายิ่งกว่าทองคำ

SHOP LOCATION

PHUKET


CHIANGMAI